หลายคนตัดสินใจใช้บัตรเครดิตเงินคืน เพราะมองว่าคุ้มค่ามากกว่า เนื่องด้วยไลฟ์สไตล์การจ่ายในแต่ละเดือนนั้นน้อยมาก การโอนเงินเข้าบัญชีบัตรโดยตรงจะช่วยประหยัดมากกว่า เพราะ เครดิตเงินคืนคือ ความคุ้มค่าที่ได้รับเมื่อมีการใช้จ่าย คำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์คืนทันที แต่นั่นยังไม่เพียงพอในการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทนี้ คุณยังต้องศึกษาอีกหลายอย่าง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราไปดูพร้อม ๆ กันว่ามีอะไรบ้างที่เป็นเรื่องสำคัญคุณจะต้องรู้

1.ค่าใช้จ่ายที่ผู้ถือบัตรต้องรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายที่คุณต้องรู้เมื่อถือบัตรคือ ค่าธรรมเนียม ซึ่งบัตรเครดิตทุกประเภทจะมีการยกเว้นเมื่อใช้จ่ายในขั้นต่ำตามที่กำหนด เช่น หากไม่มีการเคลื่อนไหวบัญชีนาน 12 เดือน จำเป็นต้องเก็บค่าธรรมเนียมเป็นเงื่อนไขที่เกิดขึ้นกับทุกบัตร แต่หากเป็นบัตรสำหรับผู้ที่มีรายได้ 70,000 บาทขึ้นไป จะต้องใช้จ่ายอย่างต่ำ 200,000 บาทต่อปี ส่วนนี้จึงเป็นหน้าที่ของผู้ถือบัตรต้องศึกษาให้ดี

2.วางแผนการใช้ด้วยการเช็กวันดำเนินการของธนาคาร สำหรับข้อมูลตรงนี้สามารถสอบถามไปยังคอลเซ็นเตอร์หรือเดินทางไปยังสถานบริการได้เช่นกัน สองวันสำคัญที่ว่าคือ วันสรุปบัญชีและวันสรุปยอด วันสรุปยอด จำเป็นต้องรู้เพราะคุณจะได้วางแผนการจ่ายชำระหนี้คืนให้ทันกำหนด

3.ไม่อยากมีหนี้เพิ่มจากดอกเบี้ย ต้องเช็กอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดต่อปี เมื่อถือบัตรเครดิตแน่นอนค่าใช้จ่ายที่มีคือการซื้อสินค้าและใช้บริการ ซึ่งถ้าคุณอยากหมดหนี้ไวหรือไม่อยากต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพียงเพราะจ่ายช้าหรือเลือกจ่ายขั้นต่ำ ทางที่ดีแนะนำให้จ่ายให้ตรงตามกำหนดและจ่ายเต็มจำนวน โดยอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตสูงสุดที่ 16% ต่อปี โดยสาเหตุที่ทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มมีดังนี้

• ชำระหนี้ไม่ตรงกำหนดหรือล่าช้า เป็นสาเหตุหลักเลยที่ทำให้หนี้ของคุณเพิ่มขึ้นจากการถูกคิดดอกเบี้ย แม้ว่าจะจ่ายเต็มจำนวนก็ตาม พร้อมกับโดนค่าปรับจากการชำระล่าช้าด้วย

• เลือกชำระขั้นต่ำก่อน ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่เวิร์ค แม้ว่าจะชำระตรงวันกำหนดก็ตาม ยังคงถูกคิดดอกเบี้ยเช่นเดิม

• กดเงินสดออกมาใช้ ดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่คุณกดเงินออกไปจนวันที่จ่ายครบตามจำนวนพร้อมดอกเบี้ย 

• เลือกซื้อสินค้าหรือบริการโดยการเลือกแบบมีดอกเบี้ย เพราะบางคนมองว่าระยะเวลาในการผ่อนชำระสั้นเกินไป เพื่อยืดเวลาในการจ่ายจึงยอม แม้จะมีดอกเบี้ย 

4.ใช้บัตรเครดิตจ่ายรายการที่จ่ายเป็นประจำทุกเดือน เช่น ค่าโทรศัพท์ทั้งแบบรายเดือน, ค่าอินเทอร์เน็ตเป็นค่าใช้จ่ายที่แทบทุกบ้านต้องเจอ, ค่าเติมบัตรรถไฟฟ้า BTS มักมีเฉพาะกรุงเทพเมืองหลวงของไทย ทั้งหมดนี้จะทำให้ได้รับส่วนลดจากการใช้จ่ายบัตรเครดิต แม้จะเป็นส่วนลดที่ไม่มากนักแต่หากสะสมไปเรื่อย ๆ สามารถนำเงินที่ประหยัดได้ไปใช้จ่ายส่วนอื่นได้ ช่วยประหยัดได้มากทีเดียว

5.เช็กข้อจำกัดของบัตร แม้ว่าทุกการจ่ายของคุณจะได้รับสิทธิพิเศษเสมอ เช่น เครดิตเงินคืนคือ จำนวนเงินสดที่ได้จากการใช้จ่ายแล้วโอนเข้าบัตรโดยตรง แต่มีข้อจำกัดคือต้องซื้อของเกินกว่า 1,000 บาทขึ้นไปกับร้านค้าที่ร่วมรายการ จึงจะได้รับสิทธิ์เครดิตเงินคืนได้