reverse mortgage คือสินเชื่อบ้านผู้สูงอายุที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศมาเพื่อใช้สำหรับรองรับสังคมผู้สูงอายุในปัจจุบัน โดยรูปแบบของ reverse mortgage นี้มีการใช้อยู่ในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งก็มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ช่วยทำให้ผู้สูงวัยมีบ้านพักอาศัยแลมีสภาพคล่องทางการเงินที่มากขึ้น โดยหลักการของ reverse mortgage ก็คือผู้ขอสินเชื่อนั้นสามารถที่จะใช้โครงการบ้านทั้งในรูปแบบของโครงการบ้านเดี่ยวหรือว่าคอนโดมิเนียมหรืออาจจะเป็นบ้านจัดสรรในแบบอื่น ๆ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทางธนาคารก็จะทำการจ่ายเงินค่างวดเป็นรายเดือนให้กับผู้กู้ และเมื่อชำระเงินครบถ้วนตามสัญญา reverse mortgage หลักทรัพย์ที่ยื่นค้ำประกันไว้ ก็จะตกเป็นของธนาคาร โดยสินเชื่อประเภทนี้นั้นจะเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มีเงินออมวัยเกษียณ ไม่มีบำนาญ แต่ต้องการเงินเอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และยังมีโครงการบ้านจัดสรรหรือว่าโครงการคอนโด ทั้งที่เป็นคอนโดติดรถไฟฟ้าหรือทำเลอื่น ๆ มายื่นเป็นหลักค้ำประกัน 

เงื่อนไขของผู้ที่สามารถขอ reverse mortgage คือ 

- ผู้ขอสินเชื่อต้องมีอายุ มากกว่า 60 ปี และไม่เกิน 80 ปี 

- ถ้าผู้ขอสินเชื่อไม่มีคู่สมรส จะต้องมีกรรมสิทธิ์ในบ้าน หรือ condominium ที่นำมายื่นค้ำประกันเพียงผู้เดียว

- ผู้ขอสินเชื่อต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ  

- ผู้ขอสินเชื่อจะต้องอาศัยในบ้านหรือคอนโดที่ใช้เป็นหลักค้ำประกันเป็นหลัก และจะต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตลอดเวลาทำสัญญา

- หลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านใหม่หรือคอนโดใหม่จะเป็นคอนโดใกล้ bts หรือไม่ก็ได้ แต่จะต้องไม่เป็นอสังหาฯ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สวน ไร่ หรือนา

- เมื่อสัญญา reverse mortgage สิ้นสุด ถ้าผู้ขอสินเชื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังสามารถที่จะไถ่ถอนทรัพย์ค้ำประกันคืนหรือยื่นกู้ต่อก็ได้ แต่ถ้าผู้ขอสินเชื่อเสียชีวิตก่อน ทายาทนั้นจะได้สิทธิ์เป็นผู้ไถ่ถอน ถ้าทายาทไมต้องการไถ่ถอน ทางธนาคารก็จะนำไปขายทอดตลาดต่อไป 

 

ถึงแม้ว่าจะมีรูปแบบสินเชื่อที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีคุณภาพ แต่การวางแผนทางการเงินที่ดีตั้งแต่แรกนั้นจะช่วยทำให้เราสามารถจัดการปัญหาต่าง ๆ ได้ดีกว่า เพราะถ้าหากมีการวางแผนที่ไม่ดี เราก็อาจจะไม่มีทรัพย์ที่จะใช้ค้ำประกันเพื่อยื่นขอสินเชื่อรูปแบบนี้ ซึ่งจะเพิ่มความยากลำบากในการใช้ชีวิตของคนวัยเกษียณอย่างแน่นอน