|
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าโอนคอนโดและบ้าน ก่อนตัดสินใจโอน | |
ีunyana |
หลายคนที่เคยซื้อบ้านของแสนสิริ อาจสงสัยว่าค่าใช้จ่ายในการโอนบ้านคิดยังไง หากโอนบ้านแสนสิริเสียค่าอะไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบ เมื่อตัดสินใจซื้อโครงการบ้าน ทาวน์โฮม หรือคอนโดมิเนียมแล้ว การวางแผนการเงินอย่างรอบคอบเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นตามมา ทั้งในเรื่องของการยื่นขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน, การเตรียมเงินดาวน์, เงินสำหรับการซื้อเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งที่อยู่อาศัย และไหนจะยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมในวันโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายในวันดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นเงินอีกก้อนที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องตกลงกันให้ดี บางส่วนเป็นภาระโดยตรงของผู้ซื้อและบางส่วนนั้นจะเป็นภาระของผู้ขาย โดยแยกออกเป็นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 1. ค่าจดจำนอง เป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการกู้เงินหรือขอสินเชื่อธนาคารเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ดังนั้นจึงเป็นค่าธรรมเนียมส่วนที่ผู้ซื้อต้องรับภาระเองทั้งหมด ยกเว้นว่าเป็นการซื้อด้วยเงินสดก็จะไม่มีค่าจดจำนองเกิดขึ้น สำหรับค่าจดจำนองที่ผู้ซื้อจะต้องดำเนินการจ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์นั้น ไม่ได้คิดจากราคาซื้อขายคอนโดหรือบ้านใหม่แต่อย่างใด แต่จะคิดเป็น 1% ของยอดเงินกู้ เช่น การซื้อโครงการบ้านเดี่ยวที่มีราคา 5.3 ล้านบาท โดยผู้ซื้อทำการกู้เงินจากธนาคารจำนวน 4 ล้านบาทและจ่ายเงินสดจำนวน 1.3 ล้านบาท ก็จะเสียค่าธรรมเนียมการจดจำนองเฉพาะในส่วน 4 ล้านบาทเท่านั้น 2. ค่าโอนคอนโด & ค่าโอนบ้าน เป็นค่าธรรมเนียมที่จะเรียกเก็บในอัตรา 2% ของราคาประเมินที่กำหนดโดยกรมธนารักษ์ ไม่ใช่ราคาซื้อขายที่กำหนดโดยผู้ประกอบการโครงการบ้านจัดสรร โดยค่าโอนคอนโดและค่าโอนบ้านนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องทำการตกลงกันว่าใครจะเป็นคนรับภาระ บางครั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะตกลงออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้คนละ 1% แต่สำหรับในปี 2563 ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์และได้ลดค่าโอนคอนโดและค่าโอนบ้านที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเหลือเพียง 0.01% ทำให้ผู้ขายส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ประกอบการโครงการบ้านจัดสรรมักเสนอเป็นผู้จ่ายค่าธรรมเนียมส่วนนี้แทนผู้ซื้อทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ลงเช่นกัน สำหรับบ้านและที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เหลือเพียง 0.01% ซึ่งทำให้ภาระค่าใช้จ่ายของผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยลดลงได้อย่างมากเช่นเดียวกัน นั่นจึงทำให้ผู้ซื้อส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะโอนกรรมสิทธิ์ให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 24 ธันวาคม 2563 เพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐในครั้งนี้ด้วย เพราะหากทอดเวลาตัดสินใจออกไปจนถึงปี 2564 ซึ่งไม่มีมาตรการดังกล่าวใช้แล้ว ผู้ซื้อและผู้ขายก็จะต้องทำการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยอีกมากทีเดียว นั่นจึงทำให้ตลาดบ้านและคอนโดมิเนียมในกลุ่มที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ยังคงต้องมีการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะซบเซาหนักในปี 2563 ก็ตาม |
ผู้ตั้งกระทู้ ีunyana :: วันที่ลงประกาศ 2020-08-24 01:21:50 IP : 171.5.227.106 |
Copyright © www.bhomesproperty.com 2013 All Rights Reserved. |