ReadyPlanet.com


วัตถุดิบสำหรับการปรุงขนมไทยโบราณของเมืองไทย
avatar
ปิติ สิงหากันย์


ขนมไทย ขนมโบราณ แต่ละภาคของประเทศไทย

วัตถุดิบสำหรับการปรุงขนมไทยโบราณของเมืองไทย ขนมไทยโบราณโดยมากทำจากข้าวรวมทั้งจะใช้องค์ประกอบอื่นๆอย่างเช่น สี ภาชนะ กลิ่นหอมยวนใจจากธรรมชาติ ข้าวที่ใช้ในขนมไทยโบราณมีอีกทั้งใช้ในรูปข้าวอีกทั้งเม็ดรวมทั้งข้าวที่อยู่ในรูปแป้ง นอกเหนือจากนี้ยังมีวัตถุดิบอื่นๆยกตัวอย่างเช่น มะพร้าว ไข่ น้ำตาล ซึ่งจะกล่าวถึงรายละเอียดดังนี้

 
ข้าวแล้วก็แป้ง การนำข้าวมาทำของหวานของชาวไทยเริ่มตั้งแต่ข้าวไม่แก่จัด ข้าวอ่อนที่เป็นน้ำนม เอามาทำข้าวยาคู เพียงพอแก่ขึ้นอีกแม้กระนั้นเปลือกยังเป็นสีเขียวเอามาทำข้าวเม่า ข้าวเม่าที่ได้นำไปทำของหวานได้อีกหลายประเภท เป็นต้นว่า ข้าวเม่าคลุก ข้าวเม่าบด ข้าวเม่าหมี่ กระยาสารท ข้าวเจ้าที่เหลือจากการกิน แล้วก็ที่นำไปทำเป็นแป้ง ดังเช่นว่า แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว นอกจากนี้ยังคงใช้แป้งสิงคโปร์ด้วย ส่วนแป้งหมี่มีใช้น้อย มักใช้ในของหวานที่ได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศ
 
มะพร้าวและก็น้ำกะทิ มะพร้าวประยุกต์ใช้เป็นองค์ประกอบของขนมไทยโบราณได้ตั้งแต่มะพร้าวอ่อนจนกระทั่งมะพร้าวแก่ดังต่อไปนี้
- มะพร้าวอ่อน ใช้เนื้อผสมในของหวาน อาทิเช่น แฉะสาคู วุ้นมะพร้าว สังขยามะพร้าวอ่อน
 
- มะพร้าวทึมทึก ใช้ขูดฝอยทำเป็นไส้กระฉีก ใช้คลุกอาหารต้มผูกเป็นข้าวต้มหัวหงอก แล้วก็ใช้เป็นมะพร้าวขูดโรยหน้าของหวานหลายแบบ ดังเช่น ของหวานแฉะปูน ของหวานขี้หนู ซึ่งนับว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของขนมไทยโบราณ
- มะพร้าวแก่ เอามาคั้นเป็นน้ำกะทิก่อนใส่เอาไว้ภายในของหวาน นำไปทำของหวานได้หลายแบบ เป็นต้นว่า ต้มผสมกับส่วนประกอบ เป็นต้นว่าขนมกล้วยบวชชี แกงบวดต่างๆหรือตักหัวกะทิราดบนของหวาน ได้แก่ สาคูแฉะ ซาหริ่ม ขนมบัวลอย
 
น้ำตาล เมื่อก่อนน้ำตาลที่ประยุกต์ใช้ทำของหวานเป็นน้ำตาลจากตาลหรือมะพร้าว ในบางท้องที่ใช้น้ำตาลอ้อย น้ำตาลถูกประยุกต์ใช้ตอนหลัง
 
ไข่ เริ่มเป็นส่วนประกอบของขนมไทยโบราณตั้งแต่ยุคสมเด็จพระทุ่งนารายณ์มหาราชซึ่งได้รับอิทธิพลจากของหวานของประเทศโปรตุเกส ไข่ที่ใช้ในการทำของหวานนี้จะตีให้ขึ้นฟู ก่อนนำไปผสม ของหวานบางประเภทอย่างเช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองคำ จะต้องแยกไข่ขาวรวมทั้งไข่แดงออกมาจากกัน แล้วก็ใช้แต่ว่าไข่แดงไปทำของหวาน
 
ถั่วรวมทั้งงา ถั่วและก็งาจัดเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในขนมไทยโบราณ การใช้ถั่วเขียวนึ่งละเอียดมาทำของหวานเจอได้ตั้งแต่ยุคอยุธยา ยกตัวอย่างเช่นของหวานพิมพ์ถั่วทำด้วยถั่วเหลืองหรือถั่วเขียวกวนมาอัดใส่พิมพ์ ถั่วรวมทั้งงาที่นิยมใช้ในขนมไทยโบราณมีดังนี้
 
- ถั่วเขียวเลาะเปลือก มีชื่อเรียกหลายชื่อ ดังเช่น ถั่วทองคำ ถั่วส่วน ถั่วเขียวที่ใช้จำเป็นต้องล้างแล้วก็แช่น้ำค้างแรมก่อนเอาไปนึ่ง
- ถั่วดำ ใช้ใส่เอาไว้ข้างในขนมไทยโบราณไม่กี่จำพวก แล้วก็ใส่อีกทั้งเม็ด ดังเช่นว่า ข้าวต้มผูก ข้าวหลาม ถั่วดำต้มน้ำตาล ของหวานถั่วดำ
- ถั่วดิน ใช้น้อย ส่วนมากใช้โรยหน้าของหวานผักกาดกวน ใส่เอาไว้ข้างในของหวานนายสิบมงกุฎ ใส่ไว้ในรูปที่คั่วสุกแล้ว
 
งาขาวแล้วก็งาดำ ใส่เป็นส่วนประกอบสำคัญในของหวานบางประเภทอาทิเช่น ของหวานเทียนสลัดงา ของหวานเขมือบงา
 
กล้วย กล้วยมีความเกี่ยวข้องกับขนมไทยโบราณหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นของหวานกล้วย กล้วยกวน กล้วยเชื่อม กล้วยทอดทอด หรือใช้กล้วยเป็นไส้ ดังเช่นว่า ข้าวต้มผูก ข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย ข้าวเม่า กล้วยที่ใช้ส่วนมากเป็นกล้วยน้ำว้า กล้วยแต่ละประเภทเมื่อเอามาทำของหวานครั้งคราวจะให้สีแตกต่าง ยกตัวอย่างเช่น กล้วยน้ำว้าเมื่อนำไปเชื่อมให้สีแดง กล้วยไข่ให้สีเหลือง ฯลฯ
 
สี สีที่ได้จากธรรมชาติและก็ใช้ในขนมไทยโบราณ มีดังนี้
 
- สีเขียว ได้จากใบเตยตำละเอียด คั้นมัวแต่น้ำ
 
- สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน เด็ดกลีบดอกไม้อัญชันแช่ลงไปภายในน้ำเดือด ถ้าหากบีบน้ำมะนาวลงไปบางส่วนจะได้สีม่วง
 
- สีเหลืองจากขมิ้นหรือต้นหญ้าฝรั่นหรือก้านดอกกรณิการ์
 
- สีแดงจากครั่ง
 
- สีดำจากกาบมะพร้าวเผาไฟ เอามาตำผสมน้ำแล้วกรอง
 
กลิ่นหอมหวน กลิ่นหอมสดชื่นที่ใช้ในขนมไทยโบราณเช่น
 
- กลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ ใช้ดอกมะลิที่เก็บในรุ่งอรุณ แช่ลงในน้ำสุกสุกที่เย็นแล้วให้ก้านจุ่มอยู่ในน้ำ ปิดฝาทิ้งเอาไว้ 1 คืน พรุ่งนี้ก็เลยกรอง นำใช้ประโยชน์ทำของหวาน
 
- กลิ่นดอกกระดังงา นิยมใช้อบของหวานแห้ง โดยเด็ดกลีบกระดังงามาลุกลนเทียนอบให้หอม ใส่ขวดโหลที่ใส่ของหวานไว้ ปิดฝาให้สนิท
 
- กลิ่นเทียนอบ ก่อไฟที่ปลายเทียนอบทั้งสองข้างให้ลุกสักประเดี๋ยวหนึ่งแล้วปิดไฟ วางลงในถ้วยดอกไม้ไฟ ใส่ด้านในขวดโหลที่ใส่ของหวาน ปิดเขาหินให้สนิท
 
- กลิ่นใบเตย หั่นใบเตยที่ล้างสะอาดเป็นท่อนยาว ใส่ลงไปในของหวาน


ผู้ตั้งกระทู้ ปิติ สิงหากันย์ :: วันที่ลงประกาศ 2021-12-08 10:59:31 IP : 27.131.162.206


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © www.bhomesproperty.com 2013 All Rights Reserved.