ReadyPlanet.com


Pride ความหมายที่เพิ่มอีก
avatar
shdyyyyy


ตอนหน้าร้อนนี้ ทางโลกตะวันตกมี Pride Parade หลายที่เลยจ๊ะ

บรรดา "เจ็นไหม่" หรือ คนรุ่นหลัง(new generation) มองเห็นคำนี้ปุบปับ ก็รู้เรื่องปั๊บว่าเป็นการเดินพาเหรดของกลุ่มชน "เพศลำดับที่สาม" แต่ว่าชาว "เจ็นเก่า" บางราย (ตัวอย่างเช่นลาเต้เองเมื่อหลายปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้) บางทีอาจกำเนิดอาการงงเต็กได้ เพราะเหตุว่าธรรมดาคำว่า pride มีความหมายว่า "ความภาคภูมิใจ" แล้วไหงปัจจุบันนี้เปลี่ยนเป็นอันอื่นไปเสียแล้วหรือที่จริง ความหมายเดิมก็ยังคงเดิม เพิ่มอีกเพียงแค่การเน้นเฉพาะกรุ๊ป กรุ๊ปที่ว่านี้ เป็นกรุ๊ป "เพศลำดับที่สาม" หรือที่รู้จักในชื่อสากลว่า LGBTO+ อันเป็นคำย่อของ Lesbian, Gay, Bi-sexual, Transgender รวมทั้ง Queer / Questioning ซึ่งคำท้ายที่สุดนี่คือกรุ๊ปที่ยังไม่มั่นใจว่าตนเองมีความเป็นเพศใด และก็สัญลักษณ์ + ด้านหลัง หมายความว่ายังมีกลุ่มย่อยฯลฯด้วย อย่างเช่น Asexual เป็นกรุ๊ปที่หมดแรงขับเคลื่นทางเพศเลย (ไม่ว่าเพศใด) หรือ Bi-gender เป็นกรุ๊ปที่มีทั้งยังความเป็นเพศผู้รวมทั้งหญิงอยู่ในผู้เดียวกัน ซึ่งอันนี้หมายความรวมทั้งทั้งยังด้านกายภาพ (เป็นเกิดขึ้นมามีสองอวัยวะสืบพันธุ์) และก็ทางด้านจิตใจ เป็นมีความรู้สึกเป็นไปได้ทั้งคู่เพศ สรุปแล้ว ทั้งหมดทั้งปวงนี้รวมเรียกว่ากรุ๊ป "เพศลำดับที่สาม" นั่นเอง

แล้วเพราะเหตุไรก็เลยจำเป็นต้องเดินพาเหรดประกาศ pride ลาเต้เคยสงสัยนะคะ เพราะเหตุว่าเคยชินกับสังคมบ้านพวกเราที่มิได้ "ชั่วร้าย" กับกลุ่มชนเพศลำดับที่สามพอๆกับในหลายๆประเทศ ถึงแม้อาจมีบ้างในระดับบุคคลที่ยังมีอคติ แม้กระนั้นในรูปภาพรวม กรุ๊ป "เพศลำดับที่สาม" จัดว่าสามารถดำรงชีวิตในสังคมไทยได้ออกจะธรรมดา จะมีก็แค่ในทางข้อบังคับที่ยังไม่รองรับการสมรสเพศเดียวกัน หรือการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ (ถ้าหากมีการเปลี่ยนเพศ หรือกรณีพิเศษบางครั้ง) แม้กระนั้นโดยธรรมดา พวกเรามิได้ตั้งข้อ "เกลียด" ความไม่เหมือนที่ตรงนี้ ค่อนข้างจะเชิดชูด้วยถ้าเกิดมีความเก่งกล้า รวมทั้งทำอะไรดีๆให้ส่วนกลาง แม้กระนั้นทางฝั่งตะวันตกนี่ต่งกับบ้านพวกเรามากเลย

ในอดีตกาล ฝูงคน "เพศลำดับที่สาม" มิได้รับการยินยอมรับในสังคม จำต้องหลบๆช่อนๆแล้วก็หากโดนจับได้ว่านิยมเพศเดียวกันก็แทบจะหมดอนาคตทุกด้าน การงานหาไม่ได้ สังคมเกลียดชัง ไม่มีผู้ใดคบอีก แถมในบางศาสนานับว่าเป็น "บาป"เสียด้วยซ้ำ เรื่องราวการเช็ดกกดดันของกลุ่มชน "เพศลำดับที่สาม" ในอดีตกาลนี้มีให้มองเห็นอีกทั้งในหนังหรือนิยาย (ที่สะท้อนความเป็นจริง) มากเลยจ๊า เพียงพอมาถึงยุคนี้ที่มีการผลักตันให้กำเนิดความภูมิใจใน "อัตตลักษณ์" หรือตัวตนที่จริงจริงของชนหมู่น้อย ไม่ว่าในทางเชื้อสาย สีผิว หรืออื่นๆก็เลยรวมมาถึงเรื่อง "เพศ" ด้วย พวกเราก็เลยได้มองเห็น Pride Parade ในหลายประเทศกันเดี๋ยวนี้ ถ้าเกิดคุณเปิดดิกชันนารี คำว่า pride หนแรกเริ่มแสดงว่า "ความภูมิใจ" ในเวลานี้ก็เริ่มสื่อความหมายลำดับที่สองแล้วนะคะ โน่นเป็น "ความยำเกรงในตัวตนของชนหมู่น้อยที่ได้รับการกดดันจากสังคม ช่นกลุ่มคนเพศลำดับที่สาม..." มองเห็นได้ว่าเมื่อสังคมมีการเปลี่ยน ภาษาก็มีพัฒนาการตามไปด้วย ชัดๆเลยก็คำว่า "gay" นี้ยังไงค่ะ เมื่อศตวรรษก่อน (กึ่งกลาง 19 และก็ต้น 20)คำว่า gay เป็นคุณศัพท์ เป็นร่าเริงสนุกไร้กังวล ใช้ได้ทั้งยังกับคนหรือบรรยากาศเป็นต้นว่าในเนื้อเพลง Jamaica Farewellที่ว่า...Down the way where the nights are gay ตามถนนหนทางที่เวลากลางคืนช่างแสนนเริงบันเทิงดวงใจ หรือเพลง Alone Again ที่ว่า To think that only yesterday, I was cheerful, bright and gay... เมื่อนึกถึงวันวาน ที่ฉันยังคงเบิกบานรวมทั้งไร้กังวล... มองเห็นไหมค่ะ แม้กระนั้นถ้าเกิดพวกเราเอาความหมายตอนนี้มาแปลล่ะก็... เป็นอีกหัวข้อเลยจ๊ะนี่

แล้วก็หากคุณเปิดดิกชันนารี คำว่า gay คนเดียวนี้ความหมายแรกจะไม่ใช่ "ครึกครื้นสนุกสนาน" อีกต่อไป เพราะว่ามันแปลงเป็นความหมายรองไปแล้วจ้ะ ลาเต้ว่าถัดไปอีกไม่นาน "ความภาคภูมิ" ความหมายแรกของคำว่า pride บางทีอาจแปลงเป็นความหมายรองไปด้วยเหมือนกัน ตามพัฒนาการของภาษาที่แปรไปตามสังคม ยิ่งกว่านั้น เด็กนักเรียนภาษาอังกฤษบางทีอาจจะต้องวิงเวียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอนาคตอันใกล้ด้วยวันก่อน เพื่อนพ้องๆฝรั่งของลาเต้ พูดว่า คำสรรพนาม he ใช้กับเพศชาย และก็ she ใช้กับเพศหญิง แต่ว่าสำหรับกรุ๊ปเพศลำดับที่สาม พวกเราไม่สมควรใช้สรรพนามทั้งคู่นี้นะคะ ด้วยเหตุว่าพวกเขาไม่ใช่ทั้งยังชายรวมทั้งหญิง ควรจะเป็นคำใหม่เป็น Zie ที่คนประเทศไทยพวกเราออกเสียงยากมากมาย หรือถ้าเกิดยากนัก จะใช้ว่า they ไปเลยก็ได้ (ถึงแม้ว่ากล่าวถึงผู้เดียว ไม่ใช่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยนี่ล่ะ) ลาเต้อาจจะทำหน้า "มีน" มากมายเพื่อนฝูงฝรั่งเลยขำ หันมาถามคำถามว่าแล้วภาษาบ้านคุณล่ะจะต้องเรียกอย่างไร ลาเต้เลยเล่าว่าคนประเทศไทยไม่ค่อย "ซีเรียส"หรอก ใช้ "เขา" หรือ "คุณ" เรียกได้ทั้งยังชายหญิง... อ้าว แล้วจะทราบได้ยังไงว่าผู้ที่ถูกเอ่ยถึงเป็นเพศอะไร... เพื่อนฝูงถาม ลาเต้ตอบ...แล้วจำเป็นต้องทราบมั้ยล่ะ อีกอย่างนะ ชาวไทยยังคงใช้คำว่า "มัน" เรียกได้ทั้งคนหรือสุนัขแมวอีกด้วย แถมคำว่า "มัน" ยังคงใช้พูดถึงได้ทั้งคนที่พวกเราชิงชังขี้หน้า หรือผู้ที่พวกเรารักเอ็นดู ผู้ฟังจะต้องจับ "น้ำเสียง"คนพูดให้ได้เองอีกต่างหาก (ตอนนี้ เพื่อนฝูงๆพากันยกมือทาบอก ตกอกตกใจ) โอ...มาย...ก็อด...ภาษาบ้านคุณยืดหยุ่นได้เยอะแยะ แม้กระนั้นดีแล้วนะ ไม่มีปัญหา (นางหนึ่งว่า) ลาเต้คิดตาม เอ้อ...จริงแฮะ ยืดหยุ่นบ้าง คลุมเครือบ้าง ไม่ต้องซัดไปเสียทุกเรื่องก็ช่างเถอะ รายละเอียดอยู่จุดไหนก็จุดโฟกัสที่จุดนั้น

วัดคน...วัดกันที่ศีลธรรมดียิ่งกว่า จะเป็นเพศไหนอาจจะไม่จำเป็นนักหรอก คุณว่าไหมค่ะ

ขอขอบคุณ lucabet



ผู้ตั้งกระทู้ shdyyyyy :: วันที่ลงประกาศ 2020-08-26 16:27:53 IP : 124.120.118.149


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © www.bhomesproperty.com 2013 All Rights Reserved.